|
สีที่นำมาใช้ทาบ้าน ถ้าเป็นบ้านปูนจะใช้สีน้ำพลาสติกหรือสีอะครีลิก ถ้าเป็นบ้านไม้จะใช้สีน้ำมัน หรือสีน้ำ อะครีลิก หรือ ส่วนที่เป็นเหล็กจะใช้สีน้ำมัน เป็นต้น
ส่วนที่เป็นเหล็ก จะมีปัญหาเรื่องการทาสีน้อยที่สุด เพราะผิวเหล็กแกร่งไม่มีความชื้น ก่อนทาทำความ สะอาดให้หมดคราบ ไขมัน คราบน้ำมันก็ทาได้
ส่วนที่เป็นไม้ มีความชื้น มีเชื้อราต้องมีสีทากันเชื้อรารองพื้น แล้วจึงทาสีจริง
ส่วนที่เป็นผนังปูน ต้องให้ผนังแห้งก่อนแล้วจึงค่อยทาสี การที่ผนังไม่แห้งแล้วทาสีลงไปจะส่งผลให้สีบวม หลุดร่อนง่าย ก่อนเวลาอันควร
วิธีทดสอบง่ายๆ ว่าผนังจะทาสีได้หรือไม่ กระทำโดยใช้ถุงพลาสติกขนาด 1 ฟุต ยาว 1 ฟุต ปะลงไปบน ผนังที่จะทาสี แล้วปิดทับตามขอบๆ ด้วยสก๊อตเทป ดูไอน้าที่เกาะอยู่ตามถุงพลาสติก
ถ้ายังมีไอน้ำแสดงว่า ความชื้นในผนังมีอย่าเพิ่งทาสี
การทาสี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสีแต่ละยี่ห้อ โดยทั่วไปจะทาสีรองพื้น 1 เที่ยว แล้วทาสีจริงอีก 2 เที่ยว สีบางยี่ห้อ อาจทาสีจริงลงไปได้ทันทีก็มี เพราะสีจริงมีสีรองพื้นปนอยู่
ด้วย
ถ้าเป็นผนังเก่า ขอให้ขูดสีเก่าออกให้หมดก่อน แล้วทาสีรองพื้นปูนเก่า 1 เที่ยว ทาสีจริง 2 เที่ยว ถ้าเป็นผนังปูนใหม่ๆ ที่ ยังไม่เคยทาสีมาเลย ให้ทาสีรองพื้นปูนใหม่ 1 เที่ยว แล้วทาสี
จริง 2 เที่ยว
สีที่ใช้กับบ้าน หากใช้ยี่ห้อใด ควรใช้ยี่ห้อนั้นๆ ทั้งหลัง เพื่อสะดวกในการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซมใน อนาคต ควรมีสมุด ประวัติของบ้านว่าใช้สีอะไร สีเบอร์อะไร ใช้ส่วนไหนของบ้าน
ช่างที่มาซ่อม จะได้มี ข้อมูลในการซ่อมแซม บำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น
สีของชายคา หรือส่วนที่เป็นไม้ ถ้าหลุดร่อนในอนาคต ต้องขูดทำความสะอาด แล้วรอให้พื้นผิวแห้ง จึงทาทับลงไปได้ การเลือกสี นอกจากจะดูในแคตตาล็อกแล้ว ควรดูจากแผ่นจริงที่
ทา เพราะสีใน แคตตาล็อกเป็นภาพพิมพ์ มิใช่สีเหมือนจริง ควร เลือกสีด้วยความชอบ ผสมผสานกับคำแนะนำของผู้รู้ สีบ้านจะออกมาท่ามกลาง ความสวยงาม ความพึงพอใจและถูกต้องตาม
หลักของการใช้สี |
|
|
|
|
|